S-MAN ฝากไว้ว่า :
ดูแลแบตเตอรี่ให้ดี รถจะสตาร์ทง่ายทุกเช้า และพร้อมลุยทุกเส้นทางครับ
ความรู้เรื่อง “แบตเตอรี่รถยนต์”

แบตเตอรี่รถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำหน้าที่ จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้ระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ ทั้งขณะสตาร์ทเครื่องและระหว่างการใช้งาน เพื่อให้อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถทำงานได้อย่างราบรื่น
หน้าที่ของแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่รถยนต์ไม่ได้ผลิตกระแสไฟฟ้าเอง แต่เป็น แหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง โดยจะจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ระบบต่าง ๆ เมื่อไดชาร์จผลิตไฟไม่ทัน เช่น
- ตอนสตาร์ทเครื่องยนต์
- ตอนเปิดไฟหน้า วิทยุ หรือเครื่องเสียงพร้อมกัน
- ขณะขับตอนกลางคืนที่ต้องใช้ไฟมากกว่าปกติ
เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วไดชาร์จจะเริ่มทำงาน ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายให้กับระบบต่าง ๆ และ ชาร์จกลับเข้าแบตเตอรี่ ไปพร้อมกัน พูดง่าย ๆ คือ ไฟฟ้าจะหมุนเวียน เข้าออกจากแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ไม่ได้จ่ายออกเพียงทางเดียว
สาเหตุที่แบตเตอรี่หมด
แบตเตอรี่จะหมดหรือเสื่อมได้จาก 2 สาเหตุหลักคือ
- แบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่ เกิดจากการใช้งานนานจนหมดอายุ
- ไดชาร์จทำงานผิดปกติ ชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ไม่พอหรือไม่สามารถชาร์จได้เลย
ประเภทของแบตเตอรี่รถยนต์
แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ
1. แบตเตอรี่แบบเปียก (ชนิดน้ำกรด)
เป็นแบบที่นิยมใช้มากที่สุด แบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ
-
แบบต้องดูแลน้ำกลั่น (Conventional Type)
ต้องตรวจเช็กและเติมน้ำกลั่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ -
แบบกึ่งบำรุงรักษา / แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free)
กินน้ำกลั่นน้อยกว่าแบบแรก มีฝาปิดแน่นสนิท ไม่ต้องเปิดเติมน้ำกลั่นบ่อย
อายุการใช้งานโดยทั่วไป:
ประมาณ 1.5 – 2 ปี (ไม่ควรเกิน 3 ปี) ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่และการดูแลรักษา
2. แบตเตอรี่แบบแห้ง (Sealed / AGM Battery)
ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่นเลย ให้กระแสไฟคงที่กว่า แต่ราคาสูงกว่า เหมาะกับรถรุ่นใหม่หรือรถที่ใช้ระบบไฟฟ้ามาก
