Skip to Content

การเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างถูกวิธี

เกร็ดความรู้

สวัสดีครับ วันนี้ S-MAN จะมาเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับเคล็ดลับการเลือกน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถของคุณกันครับ


     S-MAN แนะนำ:

แม้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาแพงกว่า แต่ถ้าคำนวณต่อกิโลเมตรแล้ว มักคุ้มค่ากว่าการใช้น้ำมันเครื่องธรรมดาในระยะยาว

การเลือกใช้น้ำมันเครื่องอย่างถูกวิธี

ความรู้พื้นฐานที่เจ้าของรถทุกคนควรเข้าใจ

น้ำมันเครื่องเป็นหนึ่งในของเหลวที่มีบทบาทสำคัญที่สุดภายในเครื่องยนต์ หน้าที่ของมันไม่ใช่เพียงแค่หล่อลื่น ชิ้นส่วนโลหะเท่านั้น แต่ยังช่วย ระบายความร้อน ชะล้างสิ่งสกปรก และ ป้องกันการสึกหรออีกด้วย

ดังนั้น การเลือกน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมจึงมีผลโดยตรงต่อกำลังเครื่องยนต์ ความประหยัดน้ำมัน และอายุการใช้งานของรถ การใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำ หรือการยืดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายนานเกินไป อาจดูเหมือนประหยัดระยะสั้น แต่แท้จริงแล้วเป็นต้นเหตุให้เครื่องยนต์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติอย่างมาก



ทำไมคุณภาพของน้ำมันเครื่องจึงสำคัญ

1.ช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์

  • น้ำมันเครื่องคุณภาพดีจะสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ ป้องกันการสัมผัสโดยตรงระหว่างชิ้นส่วนโลหะที่เคลื่อนที่
  • ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานเรียบ ลื่น เสียงเบา

2.ช่วยควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์

  • น้ำมันเครื่องจะดูดซับความร้อนส่วนเกินจากจุดเสียดสี แล้วนำไปกระจายออกผ่านระบบหล่อเย็น
  • หากน้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ ความสามารถในการระบายความร้อนจะลดลง ทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไป

3.ช่วยชะล้างคราบสกปรกและเศษโลหะภายในเครื่องยนต์

  • น้ำมันเครื่องจะพาเศษโลหะและคราบเขม่าจากการเผาไหม้ออกจากระบบ
  • หากไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ คราบเหล่านี้จะสะสมกลายเป็นตะกอนอุดตัน

4.ช่วยป้องกันการเกิดสนิมและออกซิเดชัน

  • สารเพิ่มคุณภาพ (Additives) ภายในน้ำมันเครื่องทำหน้าที่ป้องกันการเกิดสนิมในสภาวะความชื้นสูง

หลักการเลือกน้ำมันเครื่อง 3 ปัจจัยสำคัญ

การเลือกน้ำมันเครื่องไม่ควรพิจารณาเพียง ยี่ห้อหรือ ราคาเท่านั้น แต่ต้องดูให้ครบทั้ง 3 ปัจจัยหลัก ดังนี้

1.ชนิดของน้ำมันเครื่อง (Type)

น้ำมันเครื่องแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักตามกระบวนการผลิต ได้แก่

  • น้ำมันเครื่องธรรมดา (Mineral Oil)
    ผลิตจากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมโดยตรง เหมาะกับรถทั่วไปที่ใช้งานไม่หนัก
    ราคาโดยเฉลี่ย: 300–600 บาทต่อ 4-5 ลิตร
  • น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic)
    ผสมน้ำมันธรรมดากับน้ำมันสังเคราะห์ เพื่อให้ได้สมดุลระหว่างราคาและคุณภาพ
    ราคาโดยเฉลี่ย: 500–800 บาทต่อ 4-5 ลิตร
  • น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ (Fully Synthetic)
    ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่ผ่านการสังเคราะห์ 100%
    ให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการหล่อลื่นและทนความร้อนสูง เหมาะกับเครื่องยนต์สมรรถนะสูง
    ราคาโดยเฉลี่ย: 800–2,200 บาทต่อ 4-5 ลิตร

🔹 ข้อสังเกต: น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีอายุการใช้งานยาวกว่า และคงประสิทธิภาพได้ดีกว่าในอุณหภูมิสูงหรือต่ำ


2. เกรดคุณภาพ (API Service Classification)

API (American Petroleum Institute) เป็นมาตรฐานที่บ่งบอกคุณภาพของน้ำมันเครื่อง

ระบุด้วยอักษร S (สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน) และ C (สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล)

  • ตัวอักษรที่สองบ่งบอกระดับคุณภาพ ยิ่งตัวอักษรหลังอยู่ลำดับสูง แปลว่าคุณภาพสูงกว่า เช่น
    • API SJ / SL / SM / SN สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
    • API CH-4 / CI-4 / CJ-4 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

🔹 คำแนะนำ: สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ ควรเลือกตั้งแต่ API SN หรือสูงกว่า


3. ความหนืด (Viscosity Grade)

ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงในรูปแบบเช่น SAE 10W-40, SAE 5W-30

  • ตัวเลขหน้าตัว “W” หมายถึงความหนืดในอุณหภูมิต่ำ
    (ตัวเลขยิ่งน้อย แปลว่าไหลได้ดีตอนเครื่องเย็น เช่น สตาร์ทง่ายในตอนเช้า)
  • ตัวเลขหลัง “W” หมายถึงความหนืดขณะเครื่องร้อน
    (ตัวเลขสูงช่วยคงฟิล์มหล่อลื่นได้ดีในอุณหภูมิสูง)


🔹 คำแนะนำ:

เลือกค่าความหนืดตามคู่มือรถ เช่น 5W-30 หรือ 10W-40 และอย่าผสมเกรดน้ำมันต่างชนิดกัน เพราะอาจทำให้คุณสมบัติเสีย


ระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตรงตามระยะ คือหัวใจของการดูแลเครื่องยนต์ โดยทั่วไป มีคำแนะนำดังนี้

สภาพการใช้งานระยะทางแนะนำหมายเหตุ
สภาพปกติทุก ๆ 8,000–10,000 กม.รถใช้งานทั่วไป
การจราจรติดขัดมากทุก ๆ 6,000–8,000 กม.รถในเมือง, รถบรรทุกเบา
สภาพฝุ่นมากหรือขับทางลูกรังทุก ๆ 5,000–6,000 กม.รถใช้งานหนัก เช่น รถกระบะ


น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ & สังเคราะห์เทียม ต่างกันอย่างไร

แม้บางยี่ห้อจะระบุว่าเป็น “สังเคราะห์ 100%” แต่แท้จริงแล้ว อาจมีน้ำมันธรรมดาผสมอยู่เล็กน้อยเพื่อช่วยละลายสารเพิ่มคุณภาพ (Additives)

ซึ่งไม่ถือว่าเป็น “สังเคราะห์แท้ทุกหยด”

วิธีเลือกซื้อให้ปลอดภัย:

  1. เลือกจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือ เช่น ศูนย์บริการมาตรฐาน หรือดีลเลอร์แบรนด์ใหญ่
  2. ตรวจสอบฉลาก API / SAE ให้ชัดเจน
  3. หลีกเลี่ยงน้ำมันเครื่องที่ไม่มีระบุวันผลิต หรือไม่มีสัญลักษณ์รับรองคุณภาพ


Share this post
Tags
รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและพลังงานทางเลือก
เกร็ดความรู้