S-MAN แนะนำ:
“อย่ามองข้ามน้ำยาหล่อเย็นนะครับ เพราะมันไม่ได้มีหน้าที่แค่ทำให้เครื่องยนต์เย็น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำด้วย”
เติมหม้อน้ำใช้น้ำเปล่าแทน “น้ำยาหล่อเย็น” ได้หรือไม่?
ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดของรถยนต์ เพราะหน้าที่ของมันคือ รักษาอุณหภูมิให้เครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ร้อนเกินไปจนพัง และไม่เย็นเกินไปจนสิ้นเปลืองน้ำมัน
หัวใจของระบบนี้คือ หม้อน้ำ (Radiator) ที่ทำงานร่วมกับ น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) ซึ่งถูกออกแบบมาเฉพาะเพื่อดูแลทั้งการระบายความร้อน และ การปกป้องชิ้นส่วนโลหะภายในเครื่องยนต์

น้ำเปล่ากับน้ำยาหล่อเย็น ต่างกันอย่างไร?
หลายคนเข้าใจว่าก็แค่ของเหลวเย็นเครื่อง ใช้อะไรก็ได้ แต่จริง ๆ แล้ว น้ำยาหล่อเย็นกับน้ำเปล่าไม่เหมือนกันเลยครับ
- น้ำเปล่าระบายความร้อนได้จริง แต่ ไม่มีคุณสมบัติในการป้องกันความเสียหายระยะยาว
- ส่วน น้ำยาหล่อเย็น ช่วยได้ทั้งระบายความร้อน และ ปกป้องระบบหม้อน้ำ
แล้วถ้าไม่มีน้ำยาหล่อเย็น จะเติมน้ำเปล่าก่อนได้ไหม?
ได้ครับแต่เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น หม้อน้ำแห้งระหว่างทาง แล้วไม่มีน้ำยาหล่อเย็นใกล้มือ ในกรณีแบบนี้ ให้เติม น้ำกลั่น (Distilled Water) จะดีที่สุด เพราะน้ำกลั่นไม่มีแร่ธาตุ ไม่เกิดตะกรันเหมือนน้ำประปา
- หลังจากถึงจุดหมายแล้ว ควรรีบเปลี่ยนกลับไปใช้น้ำยาหล่อเย็นโดยเร็ว
- หากใช้แต่น้ำเปล่านาน ๆ จะทำให้หม้อน้ำเกิดสนิม ปั๊มน้ำรั่ว และระบบระบายความร้อนอุดตัน
น้ำยาหล่อเย็นประกอบด้วย
- Ethylene Glycol หรือ Propylene Glycol : ช่วยเพิ่มจุดเดือดและลดจุดเยือกแข็ง
- สารป้องกันสนิมและตะกรัน : ยืดอายุหม้อน้ำและท่อน้ำ
- สารหล่อลื่น : ลดการสึกหรอของซีลและปั๊มน้ำ
- สารแต่งสี : ทำให้สังเกตง่ายหากมีการรั่วซึม
น้ำยาหล่อเย็นควรเปลี่ยนทุก 2–3 ปี หรือประมาณ 40,000-60,000 กม. หากเห็นว่าน้ำในหม้อพักเริ่มขุ่น มีตะกอน หรือสีซีดลง แปลว่าถึงเวลาเปลี่ยนแล้วครับ
ขั้นตอนการเปลี่ยนน้ำยาหล่อเย็น
- ปล่อยน้ำเก่าออกจากหม้อน้ำ
- ล้างระบบด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำกลั่น
- ผสมน้ำยาหล่อเย็นกับน้ำกลั่น อัตราส่วน 50:50
- เติมกลับเข้าสู่ระบบหม้อน้ำให้เต็ม
อย่าใช้น้ำประปาผสมเด็ดขาด เพราะมีหินปูนและคลอรีน ซึ่งทำให้เกิดคราบตะกรันและการกัดกร่อนในระยะยาว
หากอยากให้เครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดสนิม ไม่รั่ว ไม่อุดตัน
S-MAN ขอแนะนำให้ใช้ น้ำยาหล่อเย็นแท้คุณภาพดีผสมน้ำกลั่นในอัตรา 50:50 และตรวจเช็กระดับทุกเดือน เพื่อให้รถคุณเย็นใจไปได้อีกนาน
